Tuesday, December 28, 2010

หมู่บ้านทางเหนืออีกครา...

หายไปเป็นปีมิได้อัพบล็อก...
ขออนุญาติ ปัดฝุ่นในห้องก่อน เช็ดกระจกหน้าต่าง เพื่อที่จะได้มองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างสดใส
......................

ปีนี้เกือบนับไม่ได้ว่าเป็นปีที่เท่าไหร่ของทุกคริสมาสต์กับการไปเยี่ยมเยือนพ่อและแม่ของคนข้างใจ กับทุกครั้งที่มาบรรยากาศที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือ อิ่ม อวล อบอุ่น และก็ อิ่มเอิบกับการประเพณีการมอบของขวัญซี่งกันและกัน เคยคิดอยุ่ว่า เทศกาลแบบนี้มันเป็นการสิ้นเปลืองหรือเปล่า ทุกคนจะต้องซื้อของขวัญมอบให้กันทุกปี ของบางอย่างที่ได้รับถ้าถูกใจก็ชื่นชมได้พอสักประมาณ หลังจากนั้นก็ได้แต่เก็บเข้าตู้ มันเป็นอะไรที่ขาดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่หรือเปล่า กับยุคเศรษฐกิจแบบนี้ โดยเฉพาะกับที่นี่ ไอซ์แลนด์

แต่็เอานะ ทีนี้ลองขยับมาอีกมุมหนี่งก็ได้เห็นภาพอีกด้านของประเพณีนี้ของชาวตะวันตก คือเสน่ห์ของการให้ เสน่ห์ของการวิ่งวุ่นสาละวนกับการจับจ่ายซื้อของขวัญให้ญาติๆและเพื่อนสนิท ปีหนี่งสักครั้งมันเป็นอีกวิธีหนี่งที่ทำให้เราได้นึกถึงคนอื่น และของแต่ละชิ้นที่เราจะจัดหาให้คนสักคน มันทำให้เราได้นึกถึงเขามากขี้นอย่างพิถีพิถัน คิดถึงนิสัยคิดถึงลักษณะของความสัมพันธ์กับคนๆนั้น ซี่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเราอาจจะลืมที่จะนึกถึงเขาอย่างนี้ก็ได้ ของขวัญที่เราได้รับของกันและกันนั้นเหมือนกับได้บอกว่า เรายังมีกัน เรายังนึกถึงกัน ของขวัญอาจจะมีมูลค่าตั้งแต่เพียงพอเหมาะสม จนถึง แบบว่าทุ่มไม่อั้น แต่เหนืออื่นใดที่ทุกคนรู้สึกกันได้ คือการนึกถึงกันและกัน เพราะเบื้องหลังของการให้ ก็ได้ผ่านกระบวนการคิด รายละเอียดปลีกย่อยของคนที่เราจะมอบให้ ตรงนี้ต่างหากแก่นและประโยชน์ทางใจสูงสุดของประเพณีนี้

นี่คงเป็นเหตุผลหนี่งที่ทำให้ผู้คนที่นี่ ยังคงเบิกบานซื้อของขวัญให้กันช่วงก่อนคริสมาสต์อย่าง ไม่ค่อยเกรงใจกระเป๋า แต่บางคนก็เพลาๆลงบ้างกับการทุ่มทุน สถานช้อปปิ้งที่ปกติก็มีผู้คนไม่ค่อยหนาตามากนัก ก็กลับครึกครื้น แข่งกับแสงไฟที่ถูกประดับประดาพราวพรายไปทั่วทุกหนระแหง ทำให้เมืองมืดนานในยามหนาวเย็นแบบนี้ สว่างระยิบระยับในใจผุ้คนได้ไม่มากก็น้อย
.......................

Moleskine! ทันที่ที่แกะห่อของขวัญ อืม....พ่อคนข้างใจ รุ้ใจจริงๆ ปีนี้เขาคงเห็นว่า เราสเก็ตงานบ่อยๆมาตลอด ขีดเขียนไม่ว่างเว้น เลยจัดหาสมุดสเก็ตยี่ห้อในดวงใจเล่มนี้ให้เสียที เพราะเห็นว่าอยากได้มานาน สมุดสเก็ตตำนานนี้ ในที่สุดก็ได้ครอบครองเสียที เฝ้าแอบดูตามร้านหนังสือมานาน แต่ด้วยสนนราคาแล้วก็ต้องแอบเก็บไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันคราวหน้า สมุดอยุ่ในกำมือเราแล้วคราวนี้ถึงเวลาบรรเลงตำนานของต้วเองเสียบ้าง หลังจากที่ได้คอยเก็บกระดาษโน่นที นั่นที มาขีดเขียนกระจัดกระจายไปหมด

บรรเลงหน้าแรก ขอขอบคุณผุ้มีพระคุณเสียหน่อยอุตสาห์ส่งอุปกรณ์สร้างแรงบันดาลใจให้






จะสิ้นสุดปี 2010 ก็ต้องบวกเลขเพิ่มอีกหนี่ง ทั้งตัวเลขปีและอายุตัวเองอีกครั้ง(แล้วครั้งเล่า)
ได้แต่ตั้งสมการไว้ว่า:
ตัวเลขอายุมากขี้น ความประมาทในการใช้ชีวิตต้องลดน้อยลง

ซี่งผลดีของการมีตัวเลขอายุที่เพิ่มขี้นคือการที่เรามีสติปัญญาในการมองโลกอย่างตรงไปตรงมาให้ชัดเจนที่สุด

เอ๊..เราแก่จริงๆแล้วนะเี่นี่ย ฮ่าๆ

ไหนๆก็ไหนๆ กระต่ายมา เสือกลับถ้ำไป พาใจเรากระโดดโลดแล่นไปกับปีกระต่ายกันดีกว่า..
อ้อ...อย่าลืมละ อย่าเผลอประมาท ลัล.. ลัล... ล้า จนกระทั่งเต่าคลานนำหน้าไป...(อันนี้เตือนตนเอง)

Blog Widget by LinkWithin

1 comment:

Unknown said...

ทุกครั้งที่นาฬิกาเดินมาจนถึงช่วงท้ายของปี

มักจะเป็นช่วงเวลาที่ใช้ในการทบทวน

ปีที่ผ่านมาหนึ่งปีที่ผ่านไป,

ทำใครหลายคนหล่นหายไปตามกาลเวลา

และแน่นอน...มีใครอีกหลายคน

เพิ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น

ขอบคุณ .. ที่คุณเป็นหนึ่งในนั้น ^__^