ความขาวสงบอีกครั้งกับที่นี่ ทุกครั้งที่เยือนยังคงความคิดถึงเก่าๆที่ต้อนรับด้วยความน่ารักและอบอุ่นได้เหมือนเดิม เราเดินรอบๆกับสถานที่นี้อีก เพื่อเก็บเกี่ยวเสน่ห์เดิมๆที่อาจลืมๆไปบ้างให้กลับมาได้เก็บไว้ในใจอีกและอีก และอีก....
มีความน่ารักเล็กๆรายล้อมกับหมู่บ้านที่นี่ รายละเอียดน้อยๆที่เก็บซ่อนตัวแบบเงียบๆ ให้เอาได้ใส่ใจสังเกตและจดจำได้ หากเราไม่ได้มองข้ามเลยไปในภาพทิวทัศน์กว้างๆที่ชวนเชิญสายตาเราอย่างที่ยั่วยวนสวยงามเช่นเคย
ครั้งนี้ขอเก็บเรื่องราวเล็กๆมาประดับติดไว้ในบล็อกให้ได้จดจำสักหน่อย
ทุกเกล็ดของหิมะ ที่เกาะคลุมสิ่งต่างๆรอบตัวในตอนนี้ เหมือนกับจะบอกว่า ไม่มีอาภรณ์สีขาวชนิดไหนที่ปกคลุมสิ่งต่างๆอย่างเป็นธรรมชาติและสวยงามได้เช่นนี้
เรามาสังเกตอาภรณ์สีขาวสกาวนี้กันดีกว่า...
Thursday, December 29, 2011
Monday, January 17, 2011
ยกขบวนยั่วน้ำลาย
เมื่อวานได้ปลาจากน้องใจดีคนหนี่งมา เลยได้โอกาสจับปั่นจับปรุงทำทอดมันปลา ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ตัวเองจะทำทอดมันปลากินเองได้ แล้วก็ต้องประหลาดใจตัวเองอีกหลายอย่างที่หลายเมนูที่เคยได้ทำไปแล้ว ไม่ใช่ด้วยความอยากโชว์ฝีมือแต่ด้วยความอยากกินและคิดถึงอาหารไทยมากว่า เพราะสนนราคาอาหารไทยที่นี่ถ้าอยากกินที่ร้านอาหารทุกมื้อละเกรงใจกระเป๋าสตางค์ ต้องลงมือเอง จะถูกใจเรา ถูกปากเราที่สุด งานนี้ตำราทำอาหารเล่มใหญ่ก็ไม่หนี ตำราออนไลน์ที่มีผุ้คนใจดีมากมาย โพสไว้และบอกสูตร แต่ด้วยความที่อยากกินรสไหนก็ใส่รสนั้นก็เลยไม่เคยใช้วิธีชั่งตวงวัดกับเขาเลย ทำแบบอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ซะมากกว่า ผลออกมาแต่ละครั้งก็แบบว่าพอประล่อมประแล่มพอหายอยากหายคิดถึง
ภาพข้างล่างก็เป็นการโชว์ออฟด้วยภาพเท่านั้นนะและสารภาพว่าดูแต่รูป ห้ามชิม เพราะสิ่งทีท่านเห็นมันอาจเป็นภาพลวงตา ก็คงได้พอแค่เป็นอาหารตาแล้วกัน ถ้าอาหารปากพี่น้องที่ไทยไปตามร้านข้างทางดีกว่าฝีมือแม้ครัวที่ไทยหนะขอบอก สุดยอดอยู่แล้ว...
เริ่มโชว์ออฟด้วย...
ราดหน้ามักกะโรนี : ตอนนั้นย้ายมาใหม่ๆไม่รุ้ว่าหาซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวกันที่ไหน เห็นห่อมักกะโรนีก็คว้ามาซะเลย
น้ำตกหมู : เชื่อมะว่า ราคาของผักชีฝรั่งหนะแพงกว่าเนื้อหมูที่นี่อีก
ไข่ตุ๋น : ที่เห็นเนื้อเนียนละมุนนั้น ไม่ใช่เพราะฝีมือดีหรอกนะ แค่ยังแปลกใจตัวเองอยู่ว่า ทำไมมันเนียนได้ ก็ขอยกความดีให้แม่ไก่ที่นี่แล้วกัน ที่ไข่ออกมาได้ดีทำไข่ตุ๋นแล้วเนี๊ยนเนียน
ข้าวอบกุนเชียง : กุนเชียงแม่ส่งมา
ไข่พะโล้ : โล้นานไปหน่อย ดำซะ
ลาบแซลม่อน : อันนี้ได้ยินมาจากน้องจ๋าที่ไทยพูดถึงลาบแซลม่อนร้านหนี่ง เลยจุดประกาย ซื้อมาสักชิ้นบรรเลงเอง ภาพที่เห็นนี่ พอชิมไปหนี่งคำ รู้สึกว่าปลามันลวกน้อยไปหน่อย เลยแบบว่าสุกไม่ได้ที่ ไม่รุ้ทำไงจับเ้ข้าไมโครเวฟใหม่ทั้งจานที่ ปรากฏว่า .... (คิดเองนะ)
แกงเขียวหวาน : ถ้วยแรกในชีวิตที่ทำเอง
ปิดท้ายของคาวด้วย
คาลิฟอร์เนีย มากิ : วันที่สัญชาติญี่ปุ่นเข้าสิง ม้วนเสียไปหลายอันจนสาหร่ายหมดเลยมีโชว์ได้ไม่เต็มจาน
คุ้กกี้ข้าวโอ๊ต : อันนี้ texture ไม่ได้ แต่รสชาติ ไม่เลว(ตามสูตหนังสือเลยออกมาดี)
กล้วยหอมทอดแผ่วๆบนกะทะ : อันนี้ ลองทำ แล้วราดด้วยน้ำตาลทรายแดง พร้อมราดนมสด หวาน...มันส์...
เค้กเฟร้นช์ช็อกโกแลต : อันนี้ฝีืมือคนข้างตัว ขอบอกว่า ขมอมหวาน... สุดยอด
จากนี้ เป็นแกลเลอรี่ที่เก็บมาช่วงตะเวณกินตามที่ต่างๆ.... งามทั้งหน้าตาและรสชาติจริงๆ...
ตบท้าย ช็อกโกแลตร้อนสักถ้วย...
อิ่มยัง ? หรือว่าหิวหว่า ?
งั้นก็หาของรองท้องกันเองนะจ๊ะ อัพภาพไปก็แบบว่า กลืนน้ำลายไป เฮ้อ...
ไปทำกับข้าวมื้อเย็นก่อนนะ
กินไรดี...(คิดเอง)
ภาพข้างล่างก็เป็นการโชว์ออฟด้วยภาพเท่านั้นนะและสารภาพว่าดูแต่รูป ห้ามชิม เพราะสิ่งทีท่านเห็นมันอาจเป็นภาพลวงตา ก็คงได้พอแค่เป็นอาหารตาแล้วกัน ถ้าอาหารปากพี่น้องที่ไทยไปตามร้านข้างทางดีกว่าฝีมือแม้ครัวที่ไทยหนะขอบอก สุดยอดอยู่แล้ว...
เริ่มโชว์ออฟด้วย...
ราดหน้ามักกะโรนี : ตอนนั้นย้ายมาใหม่ๆไม่รุ้ว่าหาซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวกันที่ไหน เห็นห่อมักกะโรนีก็คว้ามาซะเลย
น้ำตกหมู : เชื่อมะว่า ราคาของผักชีฝรั่งหนะแพงกว่าเนื้อหมูที่นี่อีก
ไข่ตุ๋น : ที่เห็นเนื้อเนียนละมุนนั้น ไม่ใช่เพราะฝีมือดีหรอกนะ แค่ยังแปลกใจตัวเองอยู่ว่า ทำไมมันเนียนได้ ก็ขอยกความดีให้แม่ไก่ที่นี่แล้วกัน ที่ไข่ออกมาได้ดีทำไข่ตุ๋นแล้วเนี๊ยนเนียน
ข้าวอบกุนเชียง : กุนเชียงแม่ส่งมา
ไข่พะโล้ : โล้นานไปหน่อย ดำซะ
ลาบแซลม่อน : อันนี้ได้ยินมาจากน้องจ๋าที่ไทยพูดถึงลาบแซลม่อนร้านหนี่ง เลยจุดประกาย ซื้อมาสักชิ้นบรรเลงเอง ภาพที่เห็นนี่ พอชิมไปหนี่งคำ รู้สึกว่าปลามันลวกน้อยไปหน่อย เลยแบบว่าสุกไม่ได้ที่ ไม่รุ้ทำไงจับเ้ข้าไมโครเวฟใหม่ทั้งจานที่ ปรากฏว่า .... (คิดเองนะ)
แกงเขียวหวาน : ถ้วยแรกในชีวิตที่ทำเอง
ปิดท้ายของคาวด้วย
คาลิฟอร์เนีย มากิ : วันที่สัญชาติญี่ปุ่นเข้าสิง ม้วนเสียไปหลายอันจนสาหร่ายหมดเลยมีโชว์ได้ไม่เต็มจาน
คุ้กกี้ข้าวโอ๊ต : อันนี้ texture ไม่ได้ แต่รสชาติ ไม่เลว(ตามสูตหนังสือเลยออกมาดี)
กล้วยหอมทอดแผ่วๆบนกะทะ : อันนี้ ลองทำ แล้วราดด้วยน้ำตาลทรายแดง พร้อมราดนมสด หวาน...มันส์...
เค้กเฟร้นช์ช็อกโกแลต : อันนี้ฝีืมือคนข้างตัว ขอบอกว่า ขมอมหวาน... สุดยอด
จากนี้ เป็นแกลเลอรี่ที่เก็บมาช่วงตะเวณกินตามที่ต่างๆ.... งามทั้งหน้าตาและรสชาติจริงๆ...
ตบท้าย ช็อกโกแลตร้อนสักถ้วย...
อิ่มยัง ? หรือว่าหิวหว่า ?
งั้นก็หาของรองท้องกันเองนะจ๊ะ อัพภาพไปก็แบบว่า กลืนน้ำลายไป เฮ้อ...
ไปทำกับข้าวมื้อเย็นก่อนนะ
กินไรดี...(คิดเอง)
Tuesday, December 28, 2010
หมู่บ้านทางเหนืออีกครา...
หายไปเป็นปีมิได้อัพบล็อก...
ขออนุญาติ ปัดฝุ่นในห้องก่อน เช็ดกระจกหน้าต่าง เพื่อที่จะได้มองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างสดใส
......................
ปีนี้เกือบนับไม่ได้ว่าเป็นปีที่เท่าไหร่ของทุกคริสมาสต์กับการไปเยี่ยมเยือนพ่อและแม่ของคนข้างใจ กับทุกครั้งที่มาบรรยากาศที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือ อิ่ม อวล อบอุ่น และก็ อิ่มเอิบกับการประเพณีการมอบของขวัญซี่งกันและกัน เคยคิดอยุ่ว่า เทศกาลแบบนี้มันเป็นการสิ้นเปลืองหรือเปล่า ทุกคนจะต้องซื้อของขวัญมอบให้กันทุกปี ของบางอย่างที่ได้รับถ้าถูกใจก็ชื่นชมได้พอสักประมาณ หลังจากนั้นก็ได้แต่เก็บเข้าตู้ มันเป็นอะไรที่ขาดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่หรือเปล่า กับยุคเศรษฐกิจแบบนี้ โดยเฉพาะกับที่นี่ ไอซ์แลนด์
แต่็เอานะ ทีนี้ลองขยับมาอีกมุมหนี่งก็ได้เห็นภาพอีกด้านของประเพณีนี้ของชาวตะวันตก คือเสน่ห์ของการให้ เสน่ห์ของการวิ่งวุ่นสาละวนกับการจับจ่ายซื้อของขวัญให้ญาติๆและเพื่อนสนิท ปีหนี่งสักครั้งมันเป็นอีกวิธีหนี่งที่ทำให้เราได้นึกถึงคนอื่น และของแต่ละชิ้นที่เราจะจัดหาให้คนสักคน มันทำให้เราได้นึกถึงเขามากขี้นอย่างพิถีพิถัน คิดถึงนิสัยคิดถึงลักษณะของความสัมพันธ์กับคนๆนั้น ซี่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเราอาจจะลืมที่จะนึกถึงเขาอย่างนี้ก็ได้ ของขวัญที่เราได้รับของกันและกันนั้นเหมือนกับได้บอกว่า เรายังมีกัน เรายังนึกถึงกัน ของขวัญอาจจะมีมูลค่าตั้งแต่เพียงพอเหมาะสม จนถึง แบบว่าทุ่มไม่อั้น แต่เหนืออื่นใดที่ทุกคนรู้สึกกันได้ คือการนึกถึงกันและกัน เพราะเบื้องหลังของการให้ ก็ได้ผ่านกระบวนการคิด รายละเอียดปลีกย่อยของคนที่เราจะมอบให้ ตรงนี้ต่างหากแก่นและประโยชน์ทางใจสูงสุดของประเพณีนี้
นี่คงเป็นเหตุผลหนี่งที่ทำให้ผู้คนที่นี่ ยังคงเบิกบานซื้อของขวัญให้กันช่วงก่อนคริสมาสต์อย่าง ไม่ค่อยเกรงใจกระเป๋า แต่บางคนก็เพลาๆลงบ้างกับการทุ่มทุน สถานช้อปปิ้งที่ปกติก็มีผู้คนไม่ค่อยหนาตามากนัก ก็กลับครึกครื้น แข่งกับแสงไฟที่ถูกประดับประดาพราวพรายไปทั่วทุกหนระแหง ทำให้เมืองมืดนานในยามหนาวเย็นแบบนี้ สว่างระยิบระยับในใจผุ้คนได้ไม่มากก็น้อย
.......................
Moleskine! ทันที่ที่แกะห่อของขวัญ อืม....พ่อคนข้างใจ รุ้ใจจริงๆ ปีนี้เขาคงเห็นว่า เราสเก็ตงานบ่อยๆมาตลอด ขีดเขียนไม่ว่างเว้น เลยจัดหาสมุดสเก็ตยี่ห้อในดวงใจเล่มนี้ให้เสียที เพราะเห็นว่าอยากได้มานาน สมุดสเก็ตตำนานนี้ ในที่สุดก็ได้ครอบครองเสียที เฝ้าแอบดูตามร้านหนังสือมานาน แต่ด้วยสนนราคาแล้วก็ต้องแอบเก็บไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันคราวหน้า สมุดอยุ่ในกำมือเราแล้วคราวนี้ถึงเวลาบรรเลงตำนานของต้วเองเสียบ้าง หลังจากที่ได้คอยเก็บกระดาษโน่นที นั่นที มาขีดเขียนกระจัดกระจายไปหมด
บรรเลงหน้าแรก ขอขอบคุณผุ้มีพระคุณเสียหน่อยอุตสาห์ส่งอุปกรณ์สร้างแรงบันดาลใจให้
จะสิ้นสุดปี 2010 ก็ต้องบวกเลขเพิ่มอีกหนี่ง ทั้งตัวเลขปีและอายุตัวเองอีกครั้ง(แล้วครั้งเล่า)
ได้แต่ตั้งสมการไว้ว่า:
ตัวเลขอายุมากขี้น ความประมาทในการใช้ชีวิตต้องลดน้อยลง
ซี่งผลดีของการมีตัวเลขอายุที่เพิ่มขี้นคือการที่เรามีสติปัญญาในการมองโลกอย่างตรงไปตรงมาให้ชัดเจนที่สุด
เอ๊..เราแก่จริงๆแล้วนะเี่นี่ย ฮ่าๆ
ไหนๆก็ไหนๆ กระต่ายมา เสือกลับถ้ำไป พาใจเรากระโดดโลดแล่นไปกับปีกระต่ายกันดีกว่า..
อ้อ...อย่าลืมละ อย่าเผลอประมาท ลัล.. ลัล... ล้า จนกระทั่งเต่าคลานนำหน้าไป...(อันนี้เตือนตนเอง)
ขออนุญาติ ปัดฝุ่นในห้องก่อน เช็ดกระจกหน้าต่าง เพื่อที่จะได้มองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างสดใส
......................
ปีนี้เกือบนับไม่ได้ว่าเป็นปีที่เท่าไหร่ของทุกคริสมาสต์กับการไปเยี่ยมเยือนพ่อและแม่ของคนข้างใจ กับทุกครั้งที่มาบรรยากาศที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือ อิ่ม อวล อบอุ่น และก็ อิ่มเอิบกับการประเพณีการมอบของขวัญซี่งกันและกัน เคยคิดอยุ่ว่า เทศกาลแบบนี้มันเป็นการสิ้นเปลืองหรือเปล่า ทุกคนจะต้องซื้อของขวัญมอบให้กันทุกปี ของบางอย่างที่ได้รับถ้าถูกใจก็ชื่นชมได้พอสักประมาณ หลังจากนั้นก็ได้แต่เก็บเข้าตู้ มันเป็นอะไรที่ขาดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่หรือเปล่า กับยุคเศรษฐกิจแบบนี้ โดยเฉพาะกับที่นี่ ไอซ์แลนด์
แต่็เอานะ ทีนี้ลองขยับมาอีกมุมหนี่งก็ได้เห็นภาพอีกด้านของประเพณีนี้ของชาวตะวันตก คือเสน่ห์ของการให้ เสน่ห์ของการวิ่งวุ่นสาละวนกับการจับจ่ายซื้อของขวัญให้ญาติๆและเพื่อนสนิท ปีหนี่งสักครั้งมันเป็นอีกวิธีหนี่งที่ทำให้เราได้นึกถึงคนอื่น และของแต่ละชิ้นที่เราจะจัดหาให้คนสักคน มันทำให้เราได้นึกถึงเขามากขี้นอย่างพิถีพิถัน คิดถึงนิสัยคิดถึงลักษณะของความสัมพันธ์กับคนๆนั้น ซี่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเราอาจจะลืมที่จะนึกถึงเขาอย่างนี้ก็ได้ ของขวัญที่เราได้รับของกันและกันนั้นเหมือนกับได้บอกว่า เรายังมีกัน เรายังนึกถึงกัน ของขวัญอาจจะมีมูลค่าตั้งแต่เพียงพอเหมาะสม จนถึง แบบว่าทุ่มไม่อั้น แต่เหนืออื่นใดที่ทุกคนรู้สึกกันได้ คือการนึกถึงกันและกัน เพราะเบื้องหลังของการให้ ก็ได้ผ่านกระบวนการคิด รายละเอียดปลีกย่อยของคนที่เราจะมอบให้ ตรงนี้ต่างหากแก่นและประโยชน์ทางใจสูงสุดของประเพณีนี้
นี่คงเป็นเหตุผลหนี่งที่ทำให้ผู้คนที่นี่ ยังคงเบิกบานซื้อของขวัญให้กันช่วงก่อนคริสมาสต์อย่าง ไม่ค่อยเกรงใจกระเป๋า แต่บางคนก็เพลาๆลงบ้างกับการทุ่มทุน สถานช้อปปิ้งที่ปกติก็มีผู้คนไม่ค่อยหนาตามากนัก ก็กลับครึกครื้น แข่งกับแสงไฟที่ถูกประดับประดาพราวพรายไปทั่วทุกหนระแหง ทำให้เมืองมืดนานในยามหนาวเย็นแบบนี้ สว่างระยิบระยับในใจผุ้คนได้ไม่มากก็น้อย
.......................
Moleskine! ทันที่ที่แกะห่อของขวัญ อืม....พ่อคนข้างใจ รุ้ใจจริงๆ ปีนี้เขาคงเห็นว่า เราสเก็ตงานบ่อยๆมาตลอด ขีดเขียนไม่ว่างเว้น เลยจัดหาสมุดสเก็ตยี่ห้อในดวงใจเล่มนี้ให้เสียที เพราะเห็นว่าอยากได้มานาน สมุดสเก็ตตำนานนี้ ในที่สุดก็ได้ครอบครองเสียที เฝ้าแอบดูตามร้านหนังสือมานาน แต่ด้วยสนนราคาแล้วก็ต้องแอบเก็บไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันคราวหน้า สมุดอยุ่ในกำมือเราแล้วคราวนี้ถึงเวลาบรรเลงตำนานของต้วเองเสียบ้าง หลังจากที่ได้คอยเก็บกระดาษโน่นที นั่นที มาขีดเขียนกระจัดกระจายไปหมด
บรรเลงหน้าแรก ขอขอบคุณผุ้มีพระคุณเสียหน่อยอุตสาห์ส่งอุปกรณ์สร้างแรงบันดาลใจให้
จะสิ้นสุดปี 2010 ก็ต้องบวกเลขเพิ่มอีกหนี่ง ทั้งตัวเลขปีและอายุตัวเองอีกครั้ง(แล้วครั้งเล่า)
ได้แต่ตั้งสมการไว้ว่า:
ตัวเลขอายุมากขี้น ความประมาทในการใช้ชีวิตต้องลดน้อยลง
ซี่งผลดีของการมีตัวเลขอายุที่เพิ่มขี้นคือการที่เรามีสติปัญญาในการมองโลกอย่างตรงไปตรงมาให้ชัดเจนที่สุด
เอ๊..เราแก่จริงๆแล้วนะเี่นี่ย ฮ่าๆ
ไหนๆก็ไหนๆ กระต่ายมา เสือกลับถ้ำไป พาใจเรากระโดดโลดแล่นไปกับปีกระต่ายกันดีกว่า..
อ้อ...อย่าลืมละ อย่าเผลอประมาท ลัล.. ลัล... ล้า จนกระทั่งเต่าคลานนำหน้าไป...(อันนี้เตือนตนเอง)
Friday, January 30, 2009
Wonderful white moment in Iceland
วันนี้เป็นวันแจ่มที่สุดวันหนี่ง ตั้งแต่อาศัยอยู่ที่นี่มา มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากกับการเห็นภาพเบื้องหน้าและรอบๆตัวในวันนั้น ช่างเป็นของขวัญที่วิเศษอีกวันหนี่ง จากเมื่อวานที่เกร็ดหิมะโปรยปรายมาอย่างแผ่วเบา ไปทั่วทั้งเมืองเรคยาวิก สรรพสิ่งทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยเกร็ดน้ำแข็ง ขาวโพลนตระการตาไปทั่วทุกหนระแหง จนวันนี้ แดดใสๆสาดกระทบลงมาให้ความขาวกระจ่างตาขี้นอย่างชวนมองที่สุด
หิมะที่ปกคลุมต้นไม้ใหญ่น้อย ก็เกาะคลุมตามแนวกิ่งก้านได้รูปสวยงาม ทุกอย่างรอบตัวเหมือนฉากภาพยนต์ที่ถูกจัดโดยธรรมชาติ ที่ลงตัวและมีเสน่ห์ที่สุด อีกทั้งยังเป็นใจที่วันนี้เป็นวันที่ไร้ลมไม่มาเป่าหิมะกระจัดจาย ท้องฟ้าปลอดโปร่ง และความเย็นยังเย็นขนาด-3 องศาได้ที่ที่จะรักษาให้ภาพที่เป็นอยู่อยู่ได้นานขี้นไม่ละลายจางเร็วไปเสียก่อน อย่ากระนั้นเลย ก่อนที่แสงแดดจะบอกลากันอย่างง่ายๆ
ขอเก็บตำนานนี้ไว้เป็นที่ระลึกตา ระลึกใจกันสักหน่อย...
Subscribe to:
Posts (Atom)